การเกิดออกซิเดชัน (Oxidation) บนผิววัตถุโบราณ.
การเกิดออกซิเดชัน (oxidation) บนผิววัตถุโบราณ เช่น โลหะ หรือวัสดุอื่น ๆ คือกระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อสารในวัตถุทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ หรือสารเคมีอื่น ๆ ที่มีอยู่ในสภาพแวดล้อม ซึ่งอาจทำให้ผิวของวัตถุเสียหายและสูญเสียความงามตามเวลา เช่น รอยสนิมบนโลหะหรือการซีดจางของผิวหนังของวัตถุโบราณ การแก้ไขหรือป้องกันการออกซิเดชันสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะของวัตถุและความรุนแรงของการออกซิเดชัน ดังนี้
1. การทำความสะอาด
การใช้สารเคมีทำความสะอาด สำหรับวัตถุโลหะ เช่น เหล็ก ทองแดง หรือเงิน การใช้สารเคมีบางชนิด หรือสารทำความสะอาดเฉพาะทางสามารถช่วยล้างออกซิเดชันหรือสนิมออกจากพื้นผิวได้
การใช้ยางลบพิเศษ สำหรับเหรียญโบราณหรือวัสดุโลหะบางประเภท ยางลบที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการทำความสะอาดอาจช่วยลดการเกิดออกซิเดชันที่ผิวได้
2. การรักษาผิวด้วยน้ำมันหรือสารเคลือบ
น้ำมันป้องกันสนิม (Rust Inhibitor) สำหรับโลหะ การทาน้ำมันป้องกันสนิมหรือสารเคลือบผิวอื่นๆ อาจสามารถช่วยป้องกันการเกิดออกซิเดชันในอนาคตได้
การเคลือบผิวด้วยสารเคลือบ (Coatings) เช่น การใช้สารเคลือบโลหะ หรือการพ่นเคลือบผิวพลาสติก เพื่อป้องกันการสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ
3. สภาพอากาศในการเก็บรักษา
การเก็บในที่แห้งและเย็น สำหรับวัตถุโบราณ ควรเก็บไว้ในที่ที่ความชื้นต่ำ และถูกควบคุมการเข้าถึงของออกซิเจนเพื่อลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน
การเก็บในภาชนะปิด ต้องใช้ภาชนะหรือสถานที่ที่สามารถปิดผนึกได้ดี อากาศไม่สามารถผ่านได้ (Air tight) เช่น กระเป๋า กล่อง หรือถุงที่ป้องกันการการเข้าถึงของออกซิเจน หรือห้องที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะสำหรับการเก็บรักษาด้วยแก๊สไนโตรเจน
การใช้ไนโตรเจนในห้องเก็บรักษา ในกรณีที่ต้องการเก็บวัตถุโบราณหลายชิ้นในพื้นที่เดียวกัน สามารถใช้ไนโตรเจนในการสร้างบรรยากาศที่ปราศจากออกซิเจนในห้องเก็บรักษา เพื่อลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันบนพื้นผิวของวัตถุโบราณ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาสภาพของวัตถุโบราณได้
4. การบำรุงรักษา
การเคลือบด้วยพาราฟิน (Paraffin) สำหรับวัตถุที่เป็นโลหะบางชนิด เช่น เหรียญโบราณหรือเครื่องประดับบางประเภท สามารถเคลือบด้วยพาราฟิน (หรือขี้ผึ้ง) เพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชันและรักษาผิวได้
การรักษาอย่างระมัดระวัง การหลีกเลี่ยงการสัมผัสวัตถุด้วยมือเปล่าบ่อย ๆ หรือการใช้เครื่องมือที่อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนผิวช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดออกซิเดชัน
5. การใช้เทคนิคการฟื้นฟู
การฟื้นฟูด้วยการบำบัดทางเคมี สำหรับวัตถุที่มีการออกซิเดชันอย่างรุนแรง เช่น สนิมที่อยู่บนเหล็กหรือทองแดง การใช้กระบวนการฟื้นฟูเฉพาะทาง เช่น การชุบเคลือบใหม่ หรือการฟื้นฟูด้วยสารเคมีอาจช่วยฟื้นสภาพพื้นผิวกลับมาได้
การบำรุงรักษาวัตถุโบราณต้องใช้ความระมัดระวังและความเข้าใจในลักษณะของวัตถุแต่ละประเภท เพราะการใช้วิธีการที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ ดังนั้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ในกรณีที่เป็นวัตถุที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ การรักษาและการป้องกันออกซิเดชันเป็นการลงทุนที่สำคัญในการดูแลรักษาวัตถุโบราณให้อยู่ในสภาพดีเพื่ออนาคต
